เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ในสามกลุ่มธุรกิจของเรา ได้แก่ เทคโนโลยีกาว บิวตี้แคร์ และผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน
8 พ.ย. 2565 ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี
เฮงเค็ล ประสบความสำเร็จในการรักษาโมเมนตัมการเติบโต ด้วยการทำยอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึงสองหลักในไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2565 มียอดขายกลุ่มราวๆ 6 พันล้านยูโร นับเป็นยอดขายรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 11.3 โดยการเติบโตของยอดขายนี้ เกิดจากการปรับราคาสินค้าในทุกหน่วยธุรกิจและในทุกภูมิภาค ปริมาณการขายลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเพราะเป็นธุรกิจของผู้บริโภค ในเชิงตัวเลขยอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.3
“ด้วยสภาพแวดล้อมของตลาดที่ยังคงมีความท้าทายอย่างมาก เราได้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อให้ได้บรรลุเป้ายอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึงสองหลัก เราขอขอบคุณทุกหน่วยธุรกิจและทุกภาคส่วนที่ได้มีส่วนช่วยในการดำเนินงานเพื่อธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นถึงสองหลักจากหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว ในไตรมาส 3” คาร์สเทน โนเบล ประธานกรรมการบริหาร เฮงเค็ล กล่าว
“การเติบโตของยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นถึงสองหลักในไตรมาส 3 ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ในระยะยาวถึงศักยภาพของพอร์ตโฟลิโอที่สมดุลและแข็งแกร่งของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม นอกจากนี้เราได้ขับเคลื่อนการวางแผนดำเนินการเรื่องมาตรฐานในการบริหารพอร์ต โดยการบริหารจัดการราคาอย่างเข้มงวดและดูแลเรื่องการพัฒนาศักยภาพ อีกทั้งเราได้รวมธุรกิจผู้บริโภคเข้าด้วยกันและเรากำลังดำเนินการวางแผนในการทำโครงสร้างใหม่ การดำเนินงานที่แข็งแกร่งนี้ เป็นความสำเร็จของทีมเราทั่วโลก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวของเฮงเค็ลในช่วงเวลาที่แสนจะท้าทายนี้”
การเติบโตของยอดขายถึงสองหลักในไตรมาส 3 ของเฮงเค็ลนั้น ขับเคลื่อนหลักๆโดยหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว ทุกหน่วยธุรกิจมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงสองหลัก
หน่วยธุรกิจบิวตี้แคร์ ได้บรรลุเป้าในการเพิ่มยอดขายเป็นบวกสำหรับไตรมาส 3 ทั้งหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับมืออาชีพและหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคล้วนมีส่วนในการเพิ่มยอดขายนี้
หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มียอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเติบโตหลักๆ เกิดจากหน่วยธุรกิจซักล้าง
ภาพรวมในระดับภูมิภาค มียอดขายเพิ่มขึ้นจากทุกภูมิภาคในไตรมาส 3 โดยยอดขายกลุ่มหลักๆ ขับเคลื่อนโดยกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งในทุกภูมิภาคมีอัตราการเติบโตมากถึงสองหลัก
“เรามองการณ์ไกลไปถึงเดือนต่อๆไปในปีงบประมาณ 2565 ถึงแม้เรายังคงดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดและอยู่บนความไม่แน่นอน เผชิญสภาพเศรษฐกิจเงินเฟ้อที่มีต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ผลการดำเนินงานทางธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกของเรายังมั่นคง และด้วยเหตุนี้ เราจึงปรับประมาณการยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2565” คาร์สเทน โนเบล กล่าว
ในระดับกลุ่ม เฮงเค็ลคาดหวังการเติบโตของยอดขายอยู่ที่ร้อยละ +7 ถึง +8 ในปีงบประมาณ 2565 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ +5.5 ถึง +7.5) และผลตอบแทนจากการขายที่ปรับแล้ว (EBIT margin) อยู่ในช่วงร้อยละ 10.0 ถึง 11.0 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 9.0 ถึง 11.0) ในส่วนของกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ปรับแล้ว (EPS) ที่อัตราการแลกเปลี่ยนคงที่นั้น เฮงเค็ลคาดว่าจะลดลงอยู่ในช่วงร้อยละ -25 ถึง -15 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ -35 ถึง -15)
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ยอดขายกลุ่มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ +17.3 มีค่าถึง 5,976 ล้านยูโร ส่วนการเติบโตของยอดขายจากภายใน (เช่น ปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ และ การถือครองกรรมสิทธิ์ หรือการถอนการลงทุน) โตขึ้นร้อยละ +11.3 ในระดับกลุ่ม ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากเรื่องราคา ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายจะแตกต่างออกไปตามหน่วยธุรกิจต่างๆ การถือครองกรรมสิทธิ์และการถอนการลงทุนทำให้ยอดขายลดลงร้อยละ -0.6 ในทางตรงกันข้ามการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศนั้นส่งผลกระทบให้ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ +6.6
ช่วง 9 เดือนแรกในปี 2565 ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 มีมูลค่า 16,889 ล้านยูโร ในส่วนการเติบโตจากภายใน ยอดขายของเฮงเค็ลโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ร้อยละ +9.7 ) โดยมีราคาเป็นตัวขับเคลื่อน ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายลดลง
ตลาดเกิดใหม่ มียอดขายโตขึ้นสองหลักร้อยละ +18.6 ในไตรมาส 3 ส่วนตลาดที่อิ่มตัวแล้ว มียอดขายโตขึ้นร้อยละ +5.6 ยอดขายในภูมิภาคยุโรปตะวันออกโตขึ้นร้อยละ +25.2 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 นี้เราทะลุเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ +13.2 ในภูมิภาคแอฟริกาและตะวันออกกลาง ส่วนยอดขายในภูมิภาคละตินอเมริกาเพิ่มขึ้นร้อยละ +22.5 การพัฒนาของยอดขายจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโตขึ้นร้อยละ +13.0 ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก เรามีการเติบโตของยอดขายอย่างมั่นคงที่ร้อยละ +3.9 ส่วนภูมิภาคอเมริกาเหนือมียอดขายโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ร้อยละ +7.1
ใน 9 เดือนแรกของปี 2565 อัตราการเติบโตของยอดขายในตลาดเกิดใหม่ โตร้อยละ +14.8 ในขณะที่ตลาดอิ่มตัว ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ +5.5
ยอดขายในหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.6 มีมูลค่าเป็น 2,995 ล้านยูโรในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 (เช่น ปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศและการถือครองกรรมสิทธิ์หรือการถอนการลงทุน) ซึ่งยอดขายโตขึ้นร้อยละ +16.8 เราทะลุเป้ายอดขายสองหลักในส่วนของราคา ขณะที่ผลดำเนินการปริมาณการซื้อขายเป็นบวก การถือครองกรรมสิทธิ์หรือการถอนการลงทุนยอดขายลดลงร้อยละ -1.9 ในทางตรงกันข้ามผลกระทบจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ +7.7
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ +17.6 มีมูลค่าเป็น 8,462 ล้านยูโร ยอดขายจากภายในโตขึ้นร้อยละ +13.7 การปรับขึ้นราคามีความมั่นคงในทุกภูมิภาคและทุกหน่วยธุรกิจ
จากมุมมองในระดับภูมิภาค เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนยอดขายหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวโตขึ้นเป็นสองหลัก โดยผลการดำเนินการนี้ได้ขับเคลื่อนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึงสองหลักในทุกภูมิภาค และการสนับสนุนจากหน่วยธุรกิจบรรจุภัณฑ์ สินค้าผู้บริโภค และธุรกิจยานยนต์และโลหะ
ในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว ก็ทะลุเป้ายอดขายสองหลักในทุกภูมิภาค ในภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกมีอัตราการเติบโตของยอดขายมั่นคงที่สุดในหน่วยธุรกิจยานยนต์และโลหะ สำหรับตลาดที่อิ่มตัวแล้วในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นสองหลักเป็นผลมาจากหน่วยธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรม และธุรกิจสินค้าบรรจุภัณฑ์และผู้บริโภค
ในไตรมาส 3 ปี 2565 ยอดขายของธุรกิจบิวตี้แคร์เพิ่มขึ้นในเชิงตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ +8.4 มีค่าถึง 1,013 ล้านยูโร ส่วนการเติบโตของยอดขายจากภายใน (เช่น ปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศและการถือครองกรรมสิทธิ์หรือการถอนการลงทุน) โตขึ้นร้อยละ +0.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน ปริมาณการซื้อขายลดลง ในขณะที่ยอดขายของหน่วยธุรกิจที่เป็นผลมาจากราคานั้นเพิ่มขึ้นสองหลัก การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ +5.9 การถือครองกรรมสิทธิ์หรือการถอนการลงทุนทำให้เพิ่มขึ้นร้อยละ +1.6
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 หน่วยธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ +2.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 2,855 ล้านยูโร ยอดขายจากภายในโตขึ้นร้อยละ +0.6 เป็นผลมาจากราคา
ในหน่วยธุรกิจผู้บริโภค เรามียอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2565 เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นที่เกิดจากราคาโดยยอดขายได้โตถึงสองหลัก ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้ว ยังมีค่ามากกว่าปริมาณการซื้อขายที่ลดลงซึ่งเป็นผลมาจากการวางแผนดำเนินการเรื่องมาตรฐานในการบริหารพอร์ตตามที่ได้ประกาศไว้ และความผันผวนของอุปสงค์ โดยภาพรวมนั้นในหมวดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมีการเติบโตของยอดขายปกติอย่างมั่นคง ซึ่งทุกหน่วยธุรกิจก็มีส่วนช่วยด้วย ธุรกิจทรงผมมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นสองหลักซึ่งได้ฟื้นตัวเรื่อยๆจากในไตรมาสที่แล้วที่ได้รับผลกระทบในแง่ลบจากการระบาดของโรค ผลการดำเนินการยอดขายปกติมีความมั่นคงทั้งในธุรกิจทำสีผมและธุรกิจดูแลผมซึ่งขับเคลื่อนโดยตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก ผลการดำเนินการยอดขายของหมวดธุรกิจดูแลร่างกายนั้นลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน หลักๆเกิดจากการวางแผนดำเนินการเรื่องมาตรฐานในการบริหารพอร์ตตามที่ได้ประกาศไว้
ในไตรมาส 3 หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับมืออาชีพ สามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างมั่นคงในช่วงครึ่งปีแรกและมียอดขายปกติที่ดีซึ่งหลักๆเกิดจากตลาดเกิดใหม่ที่ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นสองหลัก
การเติบโตของยอดขายในตลาดเกิดใหม่มีความสำคัญอย่างมากในไตรมาส 3 ในทุกภูมิภาคยกเว้นภูมิภาคแอฟริกาและตะวันออกกลาง มีส่วนช่วยให้ได้ผลการดำเนินการที่ดีเช่นนี้ ในภูมิภาคเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น ภูมิภาคละตินอเมริกาและยุโรปตะวันออก ต่างมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นสองหลัก
การดำเนินการยอดขายปกติในตลาดที่อิ่มตัวแล้วนั้นมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีการลดลงของยอดขายในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือ ในทางตรงกันข้าม ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ยอดขายของธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เพิ่มขึ้นในเชิงตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ +13.2 มีค่าถึง 1,902 ล้านยูโร ส่วนการเติบโตของยอดขายปกติจากภายใน (เช่น ปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศและการถือครองกรรมสิทธิ์หรือการถอนการลงทุน) หน่วยธุรกิจโตขึ้นร้อยละ +7.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ปริมาณการซื้อขายลดลง ในขณะที่ยอดขายของหน่วยธุรกิจที่เป็นผลมาจากราคานั้นเพิ่มขึ้นสองหลัก การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ +5.5 การถือครองกรรมสิทธิ์หรือการถอนการลงทุนทำให้เพิ่มขึ้นร้อยละ +0.4
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มียอดขายเพิ่มขึ้นในเชิงตัวเลขร้อยละ +8.9 มีมูลค่าเป็น 5,396 ล้านยูโร ยอดขายจากภายในโตขึ้นร้อยละ +7.4 เป็นผลมาจากราคา
ในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้าง มียอดขายเพิ่มขึ้นถึงสองหลักในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2565 เกิดจากการเพิ่มยอดขายของกลุ่มสินค้าในหมวดผงซักฟอกที่มีพลังในการทำความสะอาดสูงและกลุ่มผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกชนิดพิเศษ แบรนด์หลักๆของเราทั้ง Persil All และ Perwoll ต่างทะลุเป้ายอดขายถึงสองหลัก
ผลการดำเนินการยอดขายปกติธุรกิจผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน คงที่ตลอดในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นผลมาจากผลการดำเนินการทางธุรกิจที่มั่นคงของผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจานแบรนด์ Pril และ Somat ที่อยู่ภายใต้แบรนด์เดียวกัน ในทางตรงกันข้ามผลดำเนินการยอดขายในหมวดสินค้าน้ำยาทำความสะอาดทุกพื้นผิวและน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำมีค่าติดลบ เนื่องจากอุปสงค์สำหรับสินค้าทำความสะอาดกลับมาสู่ในระดับปกติ หลังจากที่เคยมียอดขายสูงมากในปีที่ผ่านมา ที่มีการระบาดของ COVID-19
ในตลาดเกิดใหม่ เราได้ทะลุเป้ายอดขายถึงสองหลักในไตรมาสที่ 3 เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายในภูมิภาคยุโรปตะวันออก แอฟริกา ตะวันออกกลางและละตินอเมริกา
ในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว มีการเติบโตของยอดขายโดยรวมที่ดีในไตรมาสที่ 3 ยอดขายปกติมีการเติบโตที่ดีในภูมิภาคอเมริกาเหนือและมีการเติบโตคงที่ในยุโรปตะวันตก ยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสินทรัพย์สุทธิและงบแสดงสถานะทางการเงินของกลุ่มในรอบที่ตรวจสอบเมื่อเทียบกับวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2565
จากการพัฒนาธุรกิจใน 9 เดือนแรกของปี 2565 และการคาดการณ์สืบเนื่องจากการดำเนินการในสิ้นปีงบประมาณ ทางคณะกรรมการบริหารของเฮงเค็ล AG. & Co. KGaA ได้ตัดสินใจปรับประมาณการสำหรับปีงบประมาณ 2565
เราคาดหวังการเติบโตปกติของยอดขายในระดับกลุ่มไว้ที่ร้อยละ +7.0 ถึง +8.0 ในปีงบประมาณ 2565 (ก่อนหน้านี้อยู่ที่ร้อยละ +5.5 ถึง +7.5)
สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีกาว เราได้คาดการณ์การเติบโตของยอดขายปกติไว้ในช่วงร้อยละ +11.0 ถึง +12.0 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ +10.0 ถึง +12.0) ส่วนธุรกิจบิวตี้แคร์ เราได้คาดหวังการพัฒนาของยอดขายไว้ที่ร้อยละ -1.0 ถึง 0.0 (เดิมร้อยละ -3.0 ถึง -1.0) เป็นผลมาจากการวางแผนดำเนินการเรื่องมาตรฐานในการบริหารพอร์ตตามที่ได้ประกาศไว้ สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เราคาดหวังยอดขายไว้ในช่วงร้อยละ +5.5 ถึง +6.5 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ +4.0 ถึง +6.0)
กลุ่มเฮงเค็ลคาดหวังผลตอบแทนจากการขายที่ปรับแล้ว (EBIT margin) อยู่ในช่วงร้อยละ 10.0 ถึง 11.0 (ก่อนหน้านี้อยู่ที่ร้อยละ 9.0 ถึง 11.0) เราคาดการณ์ว่าผลตอบแทนจากการขายที่ปรับแล้วของหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว จะอยู่ในช่วงร้อยละ 13.5 ถึง 14.5 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 13.0 ถึง 15.0) ส่วนธุรกิจบิวตี้แคร์ อยู่ในช่วงร้อยละ 7.5 ถึง 8.5 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 5.0 ถึง 7.0) และธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน อยู่ในช่วงร้อยละ 8.0 ถึง 9.0 (เดิมอยู่ที่ร้อยละ 7.0 ถึง 9.0)
กำไรต่อหุ้นบุริมสุทธิที่ทำการปรับแล้ว (EPS) ในอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เราคาดว่าจะมีการลดลงอยู่ที่ร้อยละ -25 ถึง -15 (เดิมอยู่ที่ -35 ถึง -15)
นอกจากนี้เฮงเค็ลยังมีเป้าหมายในปี 2565 ดังนี้
แนวทางดังกล่าวนั้นจะเกิดขึ้นจริงในกรณีที่ไม่ได้เกิดการปิดธุรกิจหรือระงับการผลิตจากการแพร่ระบาดของโรคระบาดทั้งในอุตสาหกรรมและการขายปลีก และธุรกิจต้องไม่ได้รับผลกระทบในทางลบจากสงครามในยูเครน นอกจากนี้ประมาณการของเราจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไม่มีการระงับการผลิตในอุตสาหกรรมอันเนื่องมาจากการขาดแคลนก๊าซในยุโรป