เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ในสามกลุ่มธุรกิจของเรา ได้แก่ เทคโนโลยีกาว บิวตี้แคร์ และผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน
20 ส.ค. 2562 ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี
ในไตรมาส 2 ของปี 2562 นี้ เฮงเค็ลได้รับผลกระทบจากสภาพตลาดที่มีความยุ่งยากมากขึ้น โดยมียอดขายรวมเติบโตเกือบจะเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin) ที่ปรับปรุงแล้วและกำไรต่อหุ้น (EPS) มีระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับครึ่งแรกของปี 2562 นี้ เฮงเค็ลมียอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลง ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย หลังจากที่มีการประกาศขยายการลงทุนเพิ่มเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
“การพัฒนาในช่วงไตรมาสที่ 2 มีสาเหตุหลักมาจากความต้องการที่ลดลงอย่างมากในอุตสาหกรรมหลัก อาทิเช่นอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมของเราเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเทคโนโลยีกาวของเราก็ยังมีผลประกอบการที่โดดเด่น ด้วยยอดขายเกือบจะเทียบเท่าในระดับเดียวกันของปีก่อนและยังมีผลกำไรที่ยอดเยี่ยม” นายฮานส์ แวน ไบเล่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฮงเค็ล กล่าว
“ผลการดำเนินงานของธุรกิจบิวตี้แคร์ ต่ำกว่าความคาดหมายของเราอย่างมาก เนื่องจากยอดขายที่ไม่ค่อยดีนักจากตลาดที่อิ่มตัวแล้ว อย่างตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตก ส่วนธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีน ก็ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวของตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายโดยรวมก็สูงขึ้นเช่นกัน” ฮานส์ แวน ไบเล่น กล่าว “แต่ธุรกิจสำหรับลูกค้ากลุ่มโปรเฟสชันแนล ยังคงมีผลประกอบการแข็งแกร่งเช่นเดิม”
“ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เราประสบความสำเร็จด้านยอดขายจากการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น แม้จะมีการประกาศเพิ่มการลงทุนไปแล้วก็ตาม แต่อัตรากำไรขั้นต้นก็ยังคงอยู่ในระดับสูง นวัตกรรมที่เพิ่งเปิดตัวไปช่วยให้การพัฒนาโดยรวมดีขึ้นสำหรับหน่วยธุรกิจนี้ "
“แม้แนวโน้มเศรษฐกิจจะมีความยุ่งยาก เราจะยังคงดำเนินการไปตามแผนเชิงกลยุทธ์ที่เราลำดับความสำคัญไว้แล้วและจะดำเนินการตามแผนการลงทุนเพื่อการเจริญเติบโตตามที่ได้ประกาศไว้ เราเน้นที่การทำธุรกิจของเราให้แข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อส่งมอบผลกำไรที่เติบโตอย่างยั่งยืน” ฮานส์ แวน ไบเลน กล่าวเพิ่มเติม
“ในขณะเดียวกัน เราก็คำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และจะนำมาใช้เป็นแนวทางตลอดปี 2562 นี้”
เฮงเค็ล คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมจะยังไม่มีความต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ต่างไปจากก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์จะมีการเติบโตได้น้อยกว่าที่คาดไว้ในเบื้องต้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เฮงเค็ล ได้มีการปรับปรุงแนวทางใหม่สำหรับปีงบประมาณนี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ เฮงเค็ล คาดว่าจะมียอดขายปกติเติบโตอยู่ในช่วง 2–4 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทั้งกลุ่มบริษัทและสามหน่วยธุรกิจ แต่ ณ ตอนนี้ เฮงเค็ล ประมาณการณ์ยอดขายของทั้งกลุ่มธุรกิจว่าจะเติบโตอยู่ในช่วง 0-2 เปอร์เซนต์ สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีกาว เฮงเค็ล คาดว่าจะมียอดขายอยู่ในช่วง ติดลบ 1 เปอร์เซ็นต์ ถึงเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซนต์ สำหรับธุรกิจบิวตี้แคร์ คาดว่ายอดขายปกติจะอยู่ในช่วงระหว่าง -2 ถึง 0 เปอร์เซ็นต์ สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เฮงเค็ลยังคงคาดหวังอัตราการเติบโตที่ระดับ 2-4 เปอร์เซ็นต์
เฮงเค็ล ยังคงคาดหวัง ผลตอบแทนจากการขายของทั้งกลุ่มธุรกิจ ในระดับ 16-17 เปอร์เซ็นต์
สำหรับกำไรต่อหุ้น (EPS) เฮงเค็ล คาดว่าจะมีการเติบโตแบบเลขตัวเดียวในระดับกลาง ถึง สูง แต่น้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ ภายใต้ระดับอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (ก่อนหน้านี้ คือ เป็นเลขตัวเดียวในระดับกลางๆ ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาภายใต้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
ยอดขายในไตรมาสที่สอง ปี 2562 เกือบจะเท่ากับปีที่ผ่านมา โดยมียอดรวมอยู่ที่ 5,121 ล้านยูโร ยอดขายแบบปกติที่ไม่รวมผลกระทบจากค่าเงิน การควบรวมกิจการ/การถอนการลงทุน ลดลงเล็กน้อยประมาณ 0.4 เปอร์เซ็นต์ การซื้อกิจการและการถอนการลงทุนส่งผลต่อการเติบโตประมาณ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผลกระทบจากค่าเงินทำให้ยอดขายลดลง 0.5 เปอร์เซนต์
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาว รายงานยอดขายติดลบเล็กน้อย โดยลดลง 1.2 เปอร์เซ็นต์ สำหรับธุรกิจบิวตี้แคร์ ยอดขายลดลงประมาณ -2.4 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ประสบความสำเร็จดี มียอดขายเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์
ตลาดเกิดใหม่ที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายที่แข็งแกร่ง มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 3.9 เปอร์เซ็นต์ ตลาดแอฟริกา ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกามีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก ส่วนตลาดที่พัฒนาแล้ว มีอัตราเติบโตแบบติดลบ 3.2 เปอร์เซ็นต์
เนื่องจากสภาวะการแข่งขันในตลาดที่สูง ยอดขายในยุโรปตะวันตก ลดลงร้อยละ 1.8 ในขณะที่ยอดขายในยุโรปตะวันออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 สำหรับตลาดแอฟริกา/ตะวันออกกลาง ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ยอดขายในทวีปอเมริกาเหนือ ลดลงร้อยละ 5 ส่วนยอดขายในละตินอเมริกา เติบโตร้อยละ 11 และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยอดขายลดลงร้อยละ 7.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) อยู่ที่ 926 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2561 (846 ล้านยูโร)
ผลตอบแทนจากการขาย (EBIT) อยู่ที่ร้อยละ 16.5 percent ลดลง 1.5 จุด จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
กำไรต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 9.5 จาก 1.58 ยูโร ในไตรมาส 2 ของปี 2561 มาอยู่ที่ 1.43 ยูโร ในไตรมาส 2 ของปี 2562 ณ อัตราแลกเปลี่ยนคำนวณโดยหักผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน กำไรต่อหุ้นลดลงร้อยละ 9.5 เช่นเดียวกัน
เงินทุนหมุนเวียนสุทธิเมื่อคิดเป็นร้อยละของยอดขายอยู่ที่ร้อยละ 6.7 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าไตรมาส 2 ของปี 2561 (ร้อยละ 6.3)
ในไตรมาส 2 ของปี 2562 ธุรกิจเทคโนโลยีกาว มียอดขายปกติ 2,422 ล้านยูโร ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ยอดขายเบื้องต้นลดลงร้อยละ 1.2 กำไรจากการดำเนินงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 อยู่ที่ 469 ล้านยูโร ผลตอบแทนจากการขาย มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 19.3 ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจการบินและอวกาศ ซึ่งมีการเติบโตถึง 2 หลัก ในไตรมาส 2
ยอดขายปกติของ ธุรกิจบิวตี้แคร์ ลดลงร้อยละ 2.4 ในไตรมาส 2 ยอดขายเบื้องต้น ลดลงร้อยละ 3.2 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1,002 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 122 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ 34.9 จากไตรมาส 2 ของปี 2561 และผลตอบแทนจากการขายอยู่ที่ร้อยละ 12.2 ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจค้าปลีกของบิวตี้แคร์ ได้รับผลกระทบจากผลการดำเนินงานในตลาดที่อิ่มตัว ยอดขายบิวตี้แคร์ในจีน มีผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการลงทุนทำการตลาดและการขายและวัตถุดิบที่ราคาสูงขึ้น ในทางตรงข้าม ธุรกิจโปรเฟสชั่นแนลมีผลการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จและมีอัตราการเติบโตที่สูง
ยอดขายปกติของธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ในไตรมาส 2 ของปี ยอดขายเบื้องต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 มาอยู่ที่ 1,666 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับ 1,644 ล้านยูโร ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2561 ร้อยละ 5.3 ผลตอบแทนจากการขายอยู่ที่ร้อยละ 16.8 ซึ่งเป็นไปตามคาดและต่ำกว่าไตรมาส 2 ของปี 2561 การพัฒนาของธุรกิจ เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นในการตลาดและการขาย รวมถึงการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมที่มีการประกาศเมื่อต้นปี หมวดผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีพัฒนาการที่ดีขึ้นและมีอัตราการเติบโตที่มั่นคง โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Persil ตัวใหม่ และประสบความสำเร็จในหลายตลาด
ครึ่งแรกของปี 2562 เฮงเค็ล สร้างยอดขาย 10.1 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 มีการเติบโตของยอดขายปกติ ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบจากค่าเงินและการเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุนที่ร้อยละ 0.1 โดยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดขายลดลงร้อยละ 0.4
กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว ลดลงร้อยละ 7.2 จาก 1,768 ล้านยูโร เป็น 1,641 ล้านยูโร
ผลตอบแทนจากยอดขายที่ปรับปรุงแล้ว อยู่ที่ร้อยละ 16.3 ลดลงจากร้อยละ 17.7 ในครึ่งปีแรกของ 2561
กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว ลดลงร้อยละ 8 จาก 3.01 ยูโร ไปอยู่ที่ 2.77 ยูโร ผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนต่อการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 8 เช่นเดียวกัน
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมียอดขายปกติลดลงร้อยละ 1 โดยมีผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 18.1% (เทียบกับ 18.5% ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน)
กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายปกติติดลบร้อยละ 2.3 โดยมีผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 13.5% (เทียบกับ 17.4% ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน)
ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมียอดขายปกติเติบโตร้อยละ 3.3 โดยผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจาก 16.9% (เทียบกับ 18.2% ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน)
นับถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562 เฮงเค็ล มีเงินทุนสุทธิอยู่ที่ -2,820 ล้านยูโร (วันที่ 31 ธันวาคม 2561 อยู่ที่ -2,895 ล้านยูโร) เพิ่มขึ้นถึงแม้มีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นออกไป 800 ล้านยูโรในไตรมาส 2
“เราจะเดินหน้ากลยุทธ์ระยะยาวที่ลำดับความสำคัญไว้อย่างชัดเจนและมีเป้าหมายที่ท้าทาย” ฮานส์ แวน ไบเล่น กล่าว “การลงทุนของเราในแบรนด์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล จะช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืน”
* ปรับปรุงตัวเลขแล้วจากค่าใช้จ่าย/กำไรในการต่อรองราคาซื้อ และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง
รายงานประจำไตรมาส Q2/2019
ข้อมูลเพิ่มเติม