เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ในสามกลุ่มธุรกิจของเรา ได้แก่ เทคโนโลยีกาว บิวตี้แคร์ และผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน
11 ก.พ. 2562 ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี
นับตั้งแต่เฮงเค็ลประกาศยุทธศาสตร์ปี 2563 หรือ 2020+ บริษัทได้ขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวตามความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่วางไว้จนเห็นพัฒนาการเป็นอย่างดี ส่งผลให้ธุรกิจในปี 2560 และ 2561 มีผลประกอบการที่ดี จากพอร์ทโฟลิโอของนวัตกรรมแบรนด์และเทคโนโลยี ในเวลาเดียวกัน บริษัทยังมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค รวมไปถึงเร่งการปรับเปลี่ยนบริษัทเข้าสู่ดิจิทัล ในการนี้ นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปเฮงเค็ลจะเพิ่มการลงทุนในแต่ละปีประมาณ 300 ล้านยูโร โดยราว 2 ใน 3 ของงบประมาณนี้จะนำไปลงทุนในแบรนด์ของเฮงเค็ล เทคโนโลยี นวัตกรรม และตลาดสำคัญต่างๆ ในขณะที่เงิน 1 ใน 3 จะนำไปใช้ในการปรับเปลี่ยนบริษัทเข้าสู่ดิจิทัล เพิ่มเติมจากงบเดิมที่มีอยู่
“เราเดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอุปโภคบริโภค เราจะตอกย้ำความแข็งแกร่งในตลาดด้วยการเร่งเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ และนวัตกรรมต่างๆ อีกทั้งยังเพิ่มการลงทุนด้านการตลาดและการขับเคลื่อนเข้าสู่ดิจิทัลให้เพิ่มมากขึ้น ในเวลาเดียวกันเฮงเค็ลจะยังคงรักษาวินัยในการใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด และติดตามประสิทธิภาพการทำงานอย่างใกล้ชิด รวมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทอย่างต่อเนื่อง” ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอ ของเฮงเค็ล กล่าว “พวกเรามุ่งมั่นที่จะสร้างผลกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ”
ธุรกิจเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ล อยู่ในตลาดด้วยความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากขอบเขตเทคโนโลยีของเราที่ไม่มีใครเทียบเท่า รวมถึงความครอบคลุมในตลาดโลกและการเข้าถึงลูกค้าอย่างกว้างขวางในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เฮงเค็ลจะสร้างโอกาสการเติบโตเพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจกาวของบริษัท โดยมองหาโอกาสทางธุรกิจจากเทรนด์การเปลี่ยนต่างๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านเครือข่ายการเชื่อมโยง อุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้า (e-mobility) หรือความยั่งยืน
สำหรับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาว เฮงเค็ลตั้งใจขยายบทบาทในตลาดและเทคโนโลยีที่กำลังมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มแนวทางการใช้งานกาวในรูปแบบใหม่ๆ เช่น การใช้กาวในกลุ่มวัสดุน้ำหนักเบาและกาวเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า ปัจจุบันบริษัทมีแนวทางที่ชัดเจนและจะดำเนินการอย่างจริงจัง โดยได้ร่วมมือคิดค้นนวัตกรรมกับลูกค้า และยังใช้เครือข่ายที่กว้างขวางของผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย นอกจากนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานดิจิทัลที่แตกต่างให้กับลูกค้า กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวได้พัฒนาแพลตฟอร์มของข้อมูลเพื่อให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ เฮงเค็ลมีแผนที่จะนำสินค้าที่มีอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมาเปิดตัวในตลาดใหม่อีกครั้ง เพื่อผลักดันยอดขายที่ดีกว่าเดิม ซึ่งรวมถึงการนำเสนอสูตรใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Schauma ไซออส และ กลิสส์ ส่วนด้านผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฮงเค็ลจะต่อยอดนวัตกรรมที่แข็งแกร่งภายใต้แบรนด์ชวาร์สคอฟ และพาเลตต์ สำหรับผลิตภัณฑ์ตกแต่งผม ปัจจุบันเฮงเค็ลเป็นผู้นำตลาดในตลาดยุโรป และมุ่งหวังที่จะสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้นโดยมีแบรนด์หลักคือทัฟท์ ส่วนแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง got2b จะถูกนำมาเปิดตัวใหม่เพื่อขยายตลาดเพิ่มขึ้น โดยใช้นวัตกรรมเฉพาะที่เจาะกลุ่มลูกค้าผู้ชาย
ในตลาดอเมริกาเหนือ กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์จะเน้นการเติบโตของแบรนด์ที่แข็งแกร่งคือไดอัลในกลุ่มสินค้าดูแลผิวพรรณ โดยนำเสนอสูตรใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์ของผิวสุขภาพดีมาเป็นจุดขาย นอกจากนี้เฮงเค็ลจะขยายพอร์ทโฟลิโอผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่มีอยู่ในตลาดอเมริกาเหนือให้มีความดึงดูดใจ ขณะที่แบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง got2b เฮงเค็ลจะเพิ่มสินค้าใหม่ๆ สำหรับผู้ชาย นอกเหนือผลิตภัณฑ์ตกแต่งผม และขยายสินค้าให้มากกว่าเดิมเพื่อจับเซกเมนต์ใหม่คือลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียล
เฮงเค็ล จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจช่างผมระดับมืออาชีพทั่วโลกเพื่อสร้างการเติบโต โดยคิดค้นนวัตกรรมในเชิงรุกในทุกกลุ่มสินค้า ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมและดูแลผมที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายแบรนด์เข้าสู่ภูมิภาคใหม่ๆ และจะขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มช่างผมมืออาชีพเพิ่มขึ้น เฮงเค็ลจะเปิดตัวแพลทฟอร์มอิเล็คทรอนิกส์ที่มีรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟชั้นเลิศสำหรับลูกค้าบีทูบี (B2B) เพื่อสร้างยอดขายและให้บริการลูกค้าได้อย่างเหนือชั้น
ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เฮงเค็ลมีแผนเปิดตัวนวัตกรรมเชิงรุกครั้งใหญ่ที่สุดของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเพอร์ซิล ซึ่งจะเปิดตัวทั้งเทคโนโลยีและสูตรใหม่แบบพรีเมี่ยม โดยเฮงเค็ลจะแนะนำผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบก้อนสี่แถวเป็นครั้งแรก และผงซักฟอกสูตรทำความสะอาดล้ำลึกใหม่ โดยผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบรนด์พรีเมี่ยมของเฮงเค็ลจะมาพร้อมนวัตกรรมมากมายที่ให้ประสบการณ์ซักผ้าที่สะดวกสบายและเหนือชั้นแก่ผู้บริโภค สำหรับธุรกิจพาณิชย์อิเล็คทรอนิกส์ เฮงเค็ลจะเพิ่มสินค้าสูตรเข้มข้นสูง และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการจำหน่ายผ่านช่องทางอิเล็คทรอนิกส์ นอกจากนี้สำหรับพอร์ทโฟลิโอของแบรนด์ราคาประหยัดจะถูกเปิดตัวใหม่อีกครั้งในตลาดโลกด้วย
ในตลาดอเมริกาเหนือ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนของเฮงเค็ลจะมีการเปิดตัวใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง โดยตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับโลกของเฮงเค็ล และเพื่อเจาะตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบก้อนที่กำลังเติบโต เฮงเค็ลจะเปิดตัวนวัตกรรมน้ำยาซักผ้าสำหรับเครื่องของ เพอร์ซิล โปรคลีน และขยายพอร์ทโฟลิโอของสินค้าแบบก้อนราคาประหยัดด้วย “Purex 4-in-1” ส่วนน้ำยาปรับผ้านุ่มชั้นนำแบรนด์ Snuggle เฮงเค็ลจะเจาะตลาดพรีเมี่ยมด้วยกลุ่มสินค้าแบบเขย่าที่มาพร้อมกลิ่นหอมใหม่ๆ
สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เฮงเค็ลมุ่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้นด้วยการทำการตลาดสินค้าชั้นนำของบริษัทและตอบสนองเทรนด์สำคัญของผู้บริโภค โดยในปี 2562 เฮงเค็ลมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแบรนด์ Somat ใหม่ ทั้งผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบก้อนและแบบเจล นอกจากนี้ยังทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลห้องน้ำที่ประสบความสำเร็จด้วยการเพิ่มกลิ่นหอมใหม่ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ โปร เนเจอร์ ซึ่งเฮงเค็ลจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งทางการตลาดของสินค้า ซึ่งอยู่ในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
แผนการดำเนินงานทั้งหมดในปีนี้ จะเพิ่มการสนับสนุนงบการตลาดอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในช่องทางสื่อดั้งเดิมและช่องทางดิจิทัล
สำหรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัลขององค์กร เฮงเค็ลจะขับเคลื่อนโดยเพิ่มการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในด้านดิจิทัลทั้งธุรกิจ เครื่องมือวิเคราะห์ และโครงสร้างพื้นฐาน โดยธุรกิจดิจิทัลจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการขายผ่านพาณิชย์อิเล็คทรอนิกส์ หรือ และบริการดิจิทัลใหม่ๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงการเร่งขยายความร่วมมือกับพันธมิตรด้านอีคอมเมิร์ซรายสำคัญ หรือแอปพลิเคชั่นอินเตอร์เน็ตออฟธิงค์ (Internet of Things)
เฮงเค็ลจะขยายการปฎิสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้บริโภคโดยตรงผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น โดยมีแผนลงทุนในเครื่องมือวิเคราะห์ใหม่ๆ และระบบ eCRM หรือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมทั้งการสร้างแอปพลิเคชั่นบริหารจัดการหมวดหมู่สำหรับซื้อสินค้าออนไลน์ นอกจากนี้จะมีการเปิดตัวอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) เพิ่มเติมซึ่งรวมถึงโซลูชั่นส์การผลิตแบบอัตโนมัติและการใช้หุ่นยนต์ที่ก้าวล้ำ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเฮงเค็ลจะมีความแข็งแกร่งขึ้น จากการสร้างพื้นที่ทำงานใหม่ในรูปแบบดิจิทัล การลงทุนด้านความปลอดภัยไซเบอร์ และการยกระดับศักยภาพของเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานในองค์กร
บริษัทยังมีผลประกอบการที่ดี แม้ต้องเผชิญผลกระทบเชิงลบจากความผันผวนของค่าสกุลเงิน และต้นทุนด้านวัสดุ
ยอดขายขั้นต้นในปี 2561 อยู่ที่ 19,900 ล้านยูโร เทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 20,000 ล้านยูโร ทั้งนี้ ผลกระทบเชิงลบจากค่าเงินได้ส่งผลต่อยอดขายราว 1,100 ล้านยูโร ขณะที่การเติบโตของยอดขายปกติ (Organic) ซึ่งไม่รวมผลกระทบจากค่าเงิน การเข้าซื้อกิจการ และการขายกิจการ อยู่ที่ 2.4%
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมียอดขายที่แข็งแกร่งมาก โดยเติบโตขึ้น 4.0% กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์มียอดขายปกติที่เติบโตลดลงโดยอยู่ที่ 0.7% กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมียอดขายปกติเติบโตเป็นอย่างดีที่ 1.9%
สำหรับผลกำไรจากการดำเนินงานขั้นต้นที่ปรับปรุงแล้ว* (EBIT) เติบโตขึ้น 1.0% เป็นราว 3,500 ล้านยูโร ส่วนผลตอบแทนจากยอดขายขั้นต้นที่ปรับปรุงแล้ว* (EBIT margin) เพิ่มขึ้น 30 จุด เป็น 17.6% ผลกำไรก่อนหักภาษีที่ปรับปรุงแล้ว* ของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวอยู่ที่ 18.7% (เพิ่มขึ้น +20 จุด) กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ 17.1% (ลดลง -10 จุด) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนอยู่ที่ 18.1% (เพิ่มขึ้น +50 จุด)
สำหรับกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิขั้นต้นที่ปรับปรุงแล้ว* (EPS) อยู่ที่ 2.7% โดยหากใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่ กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้ว* จะเติบโตราว 7%
โดยงบการเงินสมบูรณ์ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วจะตีพิมพ์ในรายงานการประชุมประจำปี ในวันที่ 21กุมภาพันธ์ 2562
“ผลประกอบการที่ดีท่ามกลางสภาพแวดล้อมของตลาดที่ท้าทายและผันผวน เป็นสิ่งที่สะท้อนความมุ่งมั่นและทุ่มเททำงานของทีมงานระดับโลกของเรา” ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอของเฮงเค็ล กล่าว
เฮงเค็ลคาดว่าปี 2562 จะเป็นอีกปีที่สภาพแวดล้อมในตลาดเต็มไปด้วยความท้าทาย เนื่องมาจากความไม่แน่นอนและความผันผวน จากความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในตลาดที่ไม่หยุดนิ่ง และแรงปะทะอย่างต่อเนื่องจากค่าเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ แม้ว่าความเคลื่อนไหวด้านการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในภาพรวมจะลดลง แต่เฮงเค็ลยังคงเชื่อมั่นว่าการผลิตสินค้าเชิงอุตสาหกรรมของบริษัทจะมีการเติบโตที่ดี ส่วนตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค เฮงเค็ลคาดว่าจะยังคงมีความยากลำบากและแรงกดดันจากการแข่งขันและด้านราคาอย่างต่อเนื่อง
จากการที่เฮงเค็ลได้เพิ่มการลงทุนนับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป บริษัทจึงคาดว่ายอดขายปกติในปี 2562 จะมีการเติบโตระหว่าง 2-4% ส่วนผลตอบแทนจากยอดขายขั้นต้นที่ปรับปรุงแล้ว* คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 16-17% และอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว* หากคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ จะอยู่ในอัตราตัวเลขเดียวในระดับกลางๆ ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนหน้า
ความมุ่งมั่นของเฮงเค็ลในการสร้างการเติบโตด้านผลกำไรอย่างยั่งยืนและผลตอบแทนที่ดี ได้สะท้อนให้เห็นจากเป้าหมายด้านการเงินในระยะกลางและระยะยาวจนถึงปี 2563 และต่อจากนั้น โดยเฮงเค็ลตั้งเป้าที่จะสร้างการเติบโตของยอดขายปกติระหว่าง 2-4% และการเติบโตของกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ เป็นเลขตัวเดียวในระดับกลางถึงสูง โดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ รวมทั้งจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มเงินสดหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง
เฮงเค็ลจะมองหาโอกาสที่ช่วยกระตุ้นการเติบโต และในเวลาเดียวกันก็ยังคงรักษาวินัยในการใช้จ่ายและรักษาผลกำไรของบริษัทอย่างเคร่งครัด
ด้วยงบดุลและการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท เฮงเค็ลจะเดินหน้าลงทุนซื้อสินทรัพย์เพื่อสร้างรายได้ ในขณะเดียวกันก็พิจารณาการเข้าซื้อกิจการ เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของกลยุทธ์สร้างการเติบโตให้กับบริษัท
นับจากนี้ เฮงเค็ลจะยังคงมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยจะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลเป้าหมายให้มากขึ้นเป็น 30-40% นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป (ปัจจุบันอยู่ระหว่าง 25-35%)
“โดยสรุปแล้ว เราเชื่อว่าเฮงเค็ลมีรากฐานที่ดีสำหรับอนาคต ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและทีมงานระดับโลกที่แข็งแกร่ง การเพิ่มการลงทุนในแบรนด์ชั้นนำและเทคโนโลยี รวมทั้งในนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของเรา ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเฮงเค็ลในการสร้างการเติบโตของผลกำไรอย่างยั่งยืน ซึ่งสะท้อนลงในเป้าหมายทางการเงินระยะกลางและระยะยาวของเฮงเค็ลจนถึงปี 2563 และต่อเนื่องถึงอนาคต” ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอของเฮงเค็ล กล่าว
* ปรับปรุงตัวเลขแล้วจากค่าใช้จ่าย/กำไรในการต่อรองราคาซื้อ และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง