เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ในสามกลุ่มธุรกิจของเรา ได้แก่ เทคโนโลยีกาว บิวตี้แคร์ และผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน
5 มี.ค. 2563 ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี
ผลประกอบการปี 2562 ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและการวางระบบดิจิทัลครอบคลุมทั้งบริษัท :
ภาพรวมปี 2563 เร่งการลงทุนเพื่อการเติบโตท่ามกลางสภาวะตลาดอุตสาหกรรมที่ไม่แน่นอน
“ในปี 2562 ผลประกอบการของเรามีทั้งบวกและลบ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวอย่างมาก
ในกลุ่มลูกค้าสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคของเรา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน หรือกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ ต่างเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดในหลายตลาด” นายคาร์สเทน โนเบิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเฮงเค็ล กล่าว
“ตั้งแต่ต้นปี 2562 เราได้ประกาศแผนเพิ่มการลงทุนเพื่อการเติบโตด้วยงบลงทุนประมาณ 300 ล้านยูโรต่อปี นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ทั้งนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของเรา รวมทั้งเร่งการยกระดับระบบดิจิทัลของเฮงเค็ล” นายคาร์สเทน โนเบิล กล่าวเสริม ตลอดปีที่ผ่านมา เฮงเค็ลได้ทยอยลงทุนเพื่อการเติบโตของบริษัทตามแผนที่ได้วางไว้ ถึงกระนั้นเรายังไม่ได้ใช้เงินลงทุนทั้งหมดตามที่ตั้งไว้ ในขณะที่ปริมาณที่ลดลงและการลงทุนเพื่อการเติบโตที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อผลประกอบการและส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีในปี 2562 “ด้วยการบริหารต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการดำเนินงานและการปรับโครงสร้างให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถจำกัดวงผลกระทบได้บางส่วน” นายคาร์สเทน โนเบิล กล่าว “เรายังคงเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจและยกระดับโรงงานผลิตและศูนย์นวัตกรรม นอกจากนี้ เรายังได้เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจต่างๆ โดยการเข้าซื้อกิจการเป้าหมายและการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจด้วยเงินลงทุนรวมเกือบ 600 ล้านยูโร”
“อย่างไรก็ตาม เรายังไม่พอใจกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เราได้ตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้นสำหรับเฮงเค็ล และไม่รีรอที่จะใช้ศักยภาพของเราอย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเติบโตและสร้างผลประกอบการให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต” นายโนเบิล กล่าวสรุปพัฒนาการทางธุรกิจในปี 2562
บริษัทเฮงเค็ลได้เปิดเผยภาพรวมปี 2563 ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่บริษัทได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคมปี 2562 สำหรับปี 2563 บริษัทเฮงเค็ลคาดว่าจะมียอดขายปกติอยู่ในระดับทรงตัวถึงเติบโตร้อยละ 2 โดยบริษัทคาดว่าผลประกอบการในปี 2563 จะได้รับอิทธิพลจากความไม่แน่นอนที่ยังปกคลุมภาพรวมอุตสาหกรรม และการลงทุนเพื่อการเติบโตในระดับที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยจะเป็นการลงทุนในด้านการตลาด การโฆษณา ระบบดิจิทัลและสารสนเทศ ทั้งนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจ ในส่วนของส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ปรับปรุงแล้ว คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 15 ในขณะที่กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้วจะปรับลดลงมาอยู่ช่วงกลางถึงปลายของตัวเลขหลักเดียว ณ อัตราแลกเปลี่ยนคำนวณโดยหักผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ยอดขายในปี 2562 ในส่วนของยอดขายที่คำนวณโดยไม่พิจารณาผลกระทบอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 มาอยู่ที่ 20,114 ล้านยูโร อัตราแลกเปลี่ยนมีส่วนช่วยการเติบโตของยอดขายร้อยละ 0.6 หลังจากคำนวณผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 กิจการที่เข้าซื้อและการขายกิจการมีผลต่อยอดขายร้อยละ 0.5 ดังนั้น ในส่วนของการเติบโตของยอดขายปกติซึ่งไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเข้าซื้อกิจการ/การขายกิจการ อยู่ในระดับทรงตัวจากปีก่อน
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาว มียอดขายปกติลดลงร้อยละ 1.5 ในขณะที่ยอดขายปกติของกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ลดลงร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมียอดขายปกติเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7
ตลาดประเทศเกิดใหม่มียอดขายปกติเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตของยอดขายปกติ โดยตลาดพัฒนาแล้วมียอดขายปกติลดลงร้อยละ 1.6
ยอดขายปกติใน ยุโรปตะวันตก ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.2 ส่วนยุโรปตะวันออกมียอดขายปกติเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 ยอดขายปกติในแอฟริกา/ตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 ทวีปอเมริกาเหนือมียอดขายปกติลดลงร้อยละ 2.3 ส่วนละตินอเมริกามียอดขายปกติเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมียอดขายปกติลดลงร้อยละ 6.5
กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT) ลดลงร้อยละ 7.9 จาก 3,496 ล้านยูโรในปีก่อนมาอยู่ที่ 3,220 ล้านยูโร
ส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT margin) ลดลง 1.6 จุดจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 16 โดยกำไรของกลุ่มได้รับผลกระทบจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในด้านการยกระดับแบรนด์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และระบบดิจิทัล ที่บริษัทได้ประกาศไปตั้งแต่ต้นปี 2562 ถึงกระนั้นบริษัทยังไม่ได้ใช้เงินลงทุนทั้งหมดตามที่ตั้งไว้ โดยได้ใช้ไปประมาณครึ่งหนึ่งจากที่คาดว่าจะใช้ 300 ล้านยูโรในปี 2562
งบการเงินลดลง 88 ล้านยูโรจากที่ลดลง 65 ล้านยูโรในปี 2561 เนื่องจากการปรับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าตามมาตรฐานบัญชี IFRS 16
รายได้สุทธิที่ปรับปรุงแล้ว หลังการหักดอกเบี้ยที่ควบคุมไม่ได้แล้ว อยู่ที่ 2,353 ล้านยูโร เทียบกับ 2,603 ล้านยูโรในปี 2561
กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว (EPS) ลดลงร้อยละ 9.7 จาก 6.01 ยูโรในปี 2561 มาอยู่ที่ 5.43 ยูโร โดยกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้วลดลงร้อยละ 10.1 ณ อัตราแลกเปลี่ยนคำนวณโดยหักผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการกำกับดูแล และคณะกรรมการผู้ถือหุ้นจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 ให้คงการจ่ายเงินปันผลเท่ากับปีที่ผ่านมาที่ 1.85 ยูโรต่อหุ้นบุริมสิทธิ และ 1.83 ยูโรต่อหุ้นสามัญ โดยอัตราการจ่ายเงินปันผลเทียบกับฐานกำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 34.2 ซึ่งปรับขึ้นจากปีก่อน 3.3 จุด และยังอยู่ในกรอบอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ตั้งไว้ที่ระหว่างร้อยละ 30 ถึงร้อยละ 40
เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ เมื่อเทียบกับยอดขายปรับตัวดีขึ้น 1.2 จุดมาอยู่ที่ร้อยละ 3.9
กระแสเงินสดอิสระทำสถิติสูงสุดที่ 2,471 ล้านยูโร (ปีก่อนอยู่ที่ 1,917 ล้านยูโร)
ฐานะทางการเงินสุทธิ ณ สิ้นปี 2562 ดีขึ้นมาอยู่ที่ -2,045 ล้านยูโร (เทียบกับ -2,895 ล้านยูโรเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2561)
ยอดขายของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาว ในส่วนของยอดขายที่คำนวณโดยไม่พิจารณาผลกระทบอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 มาอยู่ที่ 9,461 ล้านยูโรในปี 2562 ด้วยภาวะอุตสาหกรรมไม่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับลดลงอย่างรุนแรงในภาคยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ยอดขายปกติลดลงร้อยละ 1.5 ในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว ลดลงร้อยละ 2.8 มาอยู่ที่ 1,712 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน รายได้ต่อยอดขายที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ร้อยละ 18.1 (ปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 18.7)
ยอดขายปกติในกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ลดลงร้อยละ 2.1 ในปี 2562 ในส่วนของยอดขายที่คำนวณโดยไม่พิจารณาผลกระทบอื่นๆ ยอดขายลดลงร้อยละ 1.8 จากปีก่อนมาอยู่ 3,877 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 519 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ 23.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้ต่อยอดขายที่ปรับปรุงแล้วลดลงจากปีก่อนร้อยละ 13.4 (ปีก่อน: ร้อยละ 17.1) เนื่องจากกำไรขั้นต้นลดลงในขณะที่มีการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในส่วนของแบรนด์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และระบบดิจิทัล
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มียอดขายปกติเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ในปี 2562 โดยในส่วนของยอดขายที่คำนวณโดยไม่พิจารณาผลกระทบอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 มาอยู่ที่ 6,656 ล้านยูโร ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วลดลงร้อยละ 5.7 มาอยู่ที่ 1,096 ล้านยูโร ส่วนรายได้ต่อยอดขายลดลง 1.6 จุดมาอยู่ที่ร้อยละ 16.5 ทั้งนี้เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อยกระดับแบรนด์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และระบบดิจิทัล
“มองไปข้างหน้า เราได้วางกรอบกลยุทธ์ใหม่เพื่อการเติบโตที่มีเป้าหมายและเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จในอนาคตของเฮงเค็ล ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งซึ่งขับเคลื่อนโดยเป้าหมายเดียวกันของเราที่จะสร้างสรรค์คุณค่าที่ยั่งยืน องค์ประกอบหลักของกรอบการทำงานนี้คือ การขยายธุรกิจ การสร้างสรรค์นวัตกรรมล้ำสมัย การตอบโจทย์ความยั่งยืน และการยกระดับระบบดิจิทัล รวมทั้งการมีต้นแบบการดำเนินงานที่พร้อมสำหรับอนาคต ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นจากรากฐานที่แข็งแกร่งของวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันและการให้โอกาสพนักงานได้แสดงศักยภาพ” นายคาร์สเทน โนเบิลกล่าว
* ปรับปรุงตัวเลขแล้วจากค่าใช้จ่าย/กำไรในการต่อรองราคาซื้อ และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง
** เสนอผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 20 เมษายน 2563
ข้อมูลเพิ่มเติม